ธรรมาภิบาลเชิงพุทธ (Buddhist
Good governance) ที่ปรากฏขึ้นในพระไตรปิฎก ในอัคคัญญสูตร ทีฆนิกาย
เกี่ยวกับการกำเนิดมนุษย์ที่ไม่มีความแตกต่างทางชนชั้น สังคมของมนุษย์เริ่มมีการพัฒนาในสูตรนี้กล่าวว่า
การปกครองเริ่มต้นมาจากมนุษย์มีความเกียจคร้านนำข้าวมาเก็บสั่งสมและเกิดความนิยมทำตามกัน
เกิดการปักปันกั้นเขตแบ่งส่วนข้าว คนโลภลักส่วนของคนอื่นมาเพิ่มแก่ตน
(เกิดอทินนาทาน) เกิดการตำหนิติเตียน การกล่าวเท็จ การทำร้ายลงโทษ การต่อสู้ ผู้มีปัญญาเห็นความจำเป็นต้องมีการปกครองสัญญาประชาคมของรุสโซ
ดังที่สมบัติ จันทรวงศ์ ได้สรุปว่า สัญญาประชาคม
คือข้อตกลงของมนุษย์ที่จะสร้างสังคมการเมืองและจัดตั้งเครื่องสิทธิอำจาจอธิปไตยขึ้น)
เกิดการเลือกตั้ง (นี้เป็นแนวคิดที่สำคัญซึ่งภายหลังต่อมาเรารู้จักกันในนาม) เกิดมีคำว่า
“กษัตริย์’ มีคนเบื่อหน่ายความชั่วร้ายในสังคม
คิดลอยล้างบาปไปอยู่ป่าบำเพ็ญฌาน บางพวกอยู่ใกล้ชุมชน เล่าเรียนเขียนตำรา เกิดมีคำว่า”พราหมณ์”เป็นต้น
คนมีครอบครัวประกอบการอาชีพประเภทต่างๆ เกิดมีคำว่า”แพศย์” คนนอกจากนี้
ซึ่งประพฤติเหลวไหลเลวร้าย ถูกเรียกว่า”ศูทร”’ คนทั้งสี่พวกนั้นบางส่วนละเลิกขนบธรรมเนียมของคน
สละเหย้าเรือนออกบวช เกิดมี”สมณ” (ที.ปา.11/111-140/83-102)